การพัฒนารูปแบบการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู ที่ส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียนโรงเรียนโนนโพธิ์ศรีวิทยาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์

ชื่อเรื่องภาษาไทย การพัฒนารูปแบบการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู ที่ส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียนโรงเรียนโนนโพธิ์ศรีวิทยาคม

ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ Developing a model for creating a professional learning community to strengthen teachers' ability to organize active learning that promotes the advanced thinking skills of students at Nonphosri Witthayakhom School

                                ชื่อผู้นิพนธ์ภาษาไทย นำชัย ปัดชาสุวรรณ์
                                ชื่อผู้นิพนธ์ภาษาอังกฤษ Namchai Padchasuwan
                                สังกัด/หน่วยงานภาษาไทย โรงเรียนโนนโพธิ์ศรีวิทยาคม
                                สังกัด/หน่วยงานภาษาอังกฤษ NonphoSriwittayakom School
                                E-mail nam_145@hotmail.com

บทคัดย่อภาษาไทย

การวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ 2) พัฒนารูปแบบการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู     ที่ส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูง 3) ประเมินประสิทธิผลของรูปแบบฯ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ครูจำนวน 24 คน และนักเรียนจำนวน 222 คน ของนักเรียนโรงเรียนโนนโพธิ์ศรีวิทยาคม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลพื้นฐานและความต้องการ แบบประเมินการพัฒนารูปแบบ แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจในกระบวนการทักษะการคิดขั้นสูง แบบประเมินความสามารถในการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก แบบประเมินความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก แบบประเมินความพึงพอใจ แบบสัมภาษณ์ และแบบทดสอบวัดความสามารถของนักเรียน การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนก่อนและหลังการทดลองด้วยสถิติ paired t-test ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพ ใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัย พบว่า
           1. ข้อมูลพื้นฐานในการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ อยู่ในระดับปานกลาง และความต้องการในการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ อยู่ในระดับมากที่สุด
           2. รูปแบบการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ มีชื่อว่า “Co–VITE Model” ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ ปัจจัยสนับสนุน และกระบวนการหลัก 4 องค์ประกอบ ดังนี้ องค์ประกอบที่ 1 การสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน องค์ประกอบที่ 2 การจัดการเรียนรู้สู่นักเรียนร่วมกัน ดำเนินการตามรูปแบบการศึกษาชั้นเรียน มี 6 ขั้นตอน ดังนี้ 2.1) การกำหนดปัญหา 2.2) การวางแผนบทเรียน 2.3) การสอน 2.4) การปรับปรุงแก้ไขบทเรียน 2.5) การสอนตามบทเรียนที่แก้ไขแล้ว 2.6) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ องค์ประกอบที่ 3 การเรียนรู้ร่วมกัน และองค์ประกอบที่ 4 การสะท้อนผลการปฏิบัติร่วมกัน
           3. ประสิทธิผลของรูปแบบการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ: ตัวแปรทุกด้านสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<0.001)
คำสำคัญ: การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ, การจัดการเรียนรู้เชิงรุก, ทักษะการคิดขั้นสูง

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

This research is research and development with the objectives to: 1) study basic information and needs for creating a professional learning community. To strengthen teachers' ability to organize active learning that promotes higher-order thinking skills 2) Develop a model for creating a community of professional learning to strengthen Teachers' ability to organize active learning that promotes higher-order thinking skills 3) Evaluate the effectiveness of the model for creating a professional learning community to strengthen teachers' ability to organize active learning that promotes higher-order thinking skills. The sample group consisted of 24 teachers and 222 students at Nonphosri Witthayakhom School. The research tools consisted of a questionnaire regarding basic information and needs. Model development evaluation form A test to measure knowledge and understanding of higher-order thinking skills. Assessment of the ability to write active learning plans Assessment of the ability to manage active learning Satisfaction assessment form, interview form, and student ability test Quantitative data analysis using percentage, mean, and standard deviation statistics. Comparing the mean scores before and after the experiment with paired t-test statistics, the significance level was set at 0.05. Additionally, the qualitative data. Analyzed using content analysis (Content Analysis). The research results found that
1. Basic information for creating a professional learning community is at a moderate level, and the need to create a professional learning community is at the highest level.
2. The model for creating a professional learning community is called the “Co-VITE Model,” consisting of principles, objectives, and supporting factors. and the main process has five components, as follows: Component 1: Creating a shared vision (cooperation vision) Component 2: Organizing learning for students together. Cooperation Instruction is carried out according to the classroom study model (Lesson Study), with six steps as follows: (2.1) Problem determination 2.2) Lesson planning 2.3) Teaching 2.4) Lesson revision 2.5) Teaching according to the revised lesson 2.6) Learning exchange Component 3: Cooperation, Learning, and Component 4: Reflection on the results of joint practice, Cooperation Effect.
3. Effectiveness of the model for creating professional learning communities: all variables were significantly higher than before the experiment. (p-value<0.001)

Keywords: Professional learning community, Active learning, Advanced thinking skills

ดาวน์โหลดไฟล์

โพสเมื่อ : 27 ต.ค. 2566,00:00 อ่าน 61 ครั้ง